fbpx

โบท๊อกซ์ (Botox)

โบท๊อกซ์ (Botox)

โบท๊อกซ์ (Botox) คือ ?

สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) หรือชื่อที่รู้จักกันว่า โบท็อกซ์ (Botox) ที่นำมาใช้เสริมความงามกันเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum ) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่สามารถสร้างสารมีพิษทำให้เกิดอาการเป็นพิษได้ สารสกัดจากแบคทีเรียนี้มีสองชนิด คือ โบทูลินั่ม ท๊อกซิน เอ (Botulinum toxin A) และ โบทูลินั่ม ท๊อกซิน บี (Botulinum toxin B) จัดเป็นสารพิษที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทโดยจะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท มีผลทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว และที่เรานิยมนำมาใช้ส่วนใหญ่ เป็น Botulinum toxin A

โบท๊อกซ์(Botox)กับการเยียวยารักษาโรค?

ในระยะแรกของการนำเอา “โบทูลินั่ม ท็อกซิน(Botulinum toxin)” เข้ามาใช้งานนั้น จุดประสงค์หลักๆก็คือ เพื่อใช้สำหรับรักษาอาการกระตุกของกล้ามเนื้อตา อาการตาเหล่หรือตาเข การหดเกร็งของกล้ามเนื้อ การรักษาอาการปวดหัวจากไมเกรนเรื้อรัง  โรคคอบิด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ตลอดจนไปถึงการมีภาวะเหงื่อออกมาก

ทำไมเราถึงต้องใช้โบท๊อกซ์?

โบท๊อกซ์ (Botox) คือการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A)จะออกฤทธิ์ไปจับตัวกับส่วนปลายของเส้นประสาท เมื่อเซลล์ไม่สามมารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ก็จะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว จึงส่งผลให้ริ้วรอยค่อยๆลดเลือน ผิวหน้าแลดูอ่อนเยาว์อย่างค่อยเป็นค่อยไปและเมื่อเวลาผ่านไปกล้ามเนื้อจะเล็กลง ทำให้ผิวบริเวณนั้นเต่งตึง และยังปรับรูปหน้าให้ดูวีเชฟยิ่งขึ้น ยังรวมไปถึงการฉีดลดน่อง   ลดเหงื่อ ระงับกลิ่นกายเพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพได้อย่างมั่นใจ

โบท๊อกซ์ (Botox) แก้ไขปัญหารูปหน้าอย่างไร?

  1. ลดริ้วรอยบริเวณใบหน้า และคอ
  2. ปรับรูปหน้าให้หน้าดูเรียว ปรับรูปคิ้ว
  3. ยกกระชับใบหน้าให้ตึง
  4. ระงับเหงื่อใต้วงแขน ที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
  5. ลดน่องให้ดูเล็กเรียวลง
  6. ลดความมันบริเวณ T-zone

 

 

โบท๊อกซ์ (Botox) นี้นำมาใช้ในการเสริมความงามตรงไหน อย่างไรได้บ้าง?

 

  1. บริเวณหน้าผาก/หว่างคิ้ว เพื่อลดริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เกิดขึ้นเมื่อเรายักคิ้ว ขมวดคิ้ว หรือเลิกคิ้ว ขึ้นไปด้านบนและเพื่อยกกระชับหน้าให้ตึงขึ้นมา หรือจะฉีดเพื่อเป็นการปรับทรงและความสูงของคิ้วก็ได้เช่นกัน
  2. บริเวณหางตา เพื่อลบรอยตีนกา และริ้วรอยเล็กๆบริเวณใต้ตา
  3. กราม เป็นการฉีดเพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณกรามให้หุบลงส่งผลให้หน้าดูเรียวขึ้น หน้าตอบลง และทำให้รูปหน้าดูเป็นรูปทรงวีเชฟมากยิ่งขึ้น
  4. กรอบหน้า/ใต้ขากรรไกร เป็นการฉีดเก็บรายละเอียดให้กับใบหน้านั่นเอง ซึ่งหมายถึงการยกกระชับให้หน้าตึงดูได้รูปทรงมากยิ่งขึ้นขึ้น
  5. คอ การฉีดบริเวณคอจะช่วยลดรอยเหี่ยวย่นหรือรอยปล้องๆที่ลำคอได้

 

 

  1. รักแร้/ฝ่ามือ และฝ่าเท้า เป็นการฉีดเพื่อลดการทำงานของต่อมเหงื่อ สำหรับคนที่เป็นภาวะเหงื่อออกมากเพื่อระงับเหงื่อ
  2. น่อง เป็นการฉีดเพื่อลดกล้ามเนื้อบริเวณน่องให้เล็กลง สำหรับการฉีดบริเวณนี้จะต้องใช้ยา เยอะประมาณ 100 ยูนิต และอาจจะต้องฉีดหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

ริ้วรอยจะเพิ่มขึ้นหรือไม่หากหยุดฉีด?                                                                                                        

หากหยุดฉีดริ้วรอยในบริเวณที่ฉีดไปนั้นจะไม่เพิ่มขึ้น โดยส่วนมากริ้วรอยจะกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนทำ จากช่วงระยะเวลาประมาณ 6 - 8 เดือนหลังจากสารสลายตัวไปเอง

 

การดื้อยา?

การดื้อยาอาจมีหลายปัจจัยที่จะให้เกิดการดื้อยา สาเหตุของภาวะดังกล่าวอาจจะเกิดจากการฉีดยาปลอม การฉีดถี่เกินไป หรืออาจจะเกิดจากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน หรือแอนติบอดี้ (antibody) มาต่อต้านเมื่อฉีดเข้าไปแล้ว จะถูกทำลายด้วยแอนติบอดี้(antibody) เหล่านี้เกือบหมด ทำให้ไม่ได้ผล พอเกิดภาวะดื้อยาแล้ว อาจจะทำให้ดื้อยาตลอดชีวิต หรืออาจจะต้องให้รอ 1-2 ปี แล้วค่อยลองกลับมาฉีดใหม่ ซึ่งโบท็อกซ์ที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) เมื่อแพ้หรือมีการดื้อต่อโบท็อกซ์ สามารถใช้โบทูลินั่ม ท๊อกซิน บี (Botulinum toxin B)ทดแทนได้

โบท๊อกซ์(Botox)ปลอดภัยหรือไม่?

โบท๊อกซ์หรือโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A)เป็นยาชนิดแรกที่มีการขึ้นทะเบียนในการรักษาริ้วรอย และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ทั้งของไทยและของสหรัฐอเมริกา มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมีการศึกษาวิจัยจากสมาคมศัลยกรรมเพื่อความงาม สหรัฐอเมริกาในเรื่องของความปลอดภัยและผลลัพธ์ในการรักษาเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือได้ว่าการฉีดนี้เป็นการรักษาด้านเวชสำอางที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ1

โบท๊อกซ์(Botox)มีผลข้างเคียงหรือไม่?

อาจจะมีอาการปวด มีรอยช้ำเล็กน้อย เฉพาะในบริเวณที่ฉีด แต่อาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น การฉีดเพื่อยกคิ้วอาจทำให้หนักบริเวณเปลือกตาประมาณ 1-4 สัปดาห์แรก และอาการนี้จะหายไปได้เอง

ข้อดีของการฉีดโบท๊อกซ์ (Botox)?

  1. เห็นผลเร็ว
  2. สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยได้
  3. ทำให้รูปหน้าเรียวเล็กลง
  4. เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง
  5. เมื่อฉีดเสร็จ สามารถทำกิจกรรม ตามปกติได้ทันที
  6. มีผลข้างเคียงน้อย

 

ข้อเสียของการฉีดโบท๊อกซ์ (Botox)?

  1. อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยขณะฉีด แต่โดยทั่วไป อาจจะมีการทายาชาก่อน ทำให้ลดอาการเจ็บปวดลงได้
  2. โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ไม่ได้อยู่ตลอดไป ซึ่งก็หมายความว่า ริ้วรอยบนใบหน้า หรือกรามที่เล็กลงนั่น จะกลับมาเป็นสภาพเดิมอีกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไป ประมาณ 6 - 8 เดือน
  3. มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ บริเวณที่ต้องการฉีด และสถานที่เข้ากับการฉีดด้วย
  4. หากฉีดจากแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญอาจเป็นอันตรายได้ ควรเลือกสถานที่ที่มีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลครบถ้วน อาจมีอาการแทรกซ้อน สำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาหรือหญิงตั้งครรภ์ ควรปรึกษาและแจ้งแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษาทุกครั้ง

 

ข้อห้ามในการฉีดโบท๊อกซ์ (Botox)?

  1. ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือ ให้นมบุตร
  2. ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบกล้ามเนื้ออยู่แล้ว เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  3. ผู้ที่เลือดออกง่ายผิดปกติ
  4. ผู้ที่ทานยาบางตัวมีผลต่อโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) เช่นยากลุ่มยาแอนติไบโอติก  (ยาฆ่าเชื้อ)
  5. ผู้ที่มีปัญหาแพ้สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A)อย่างรุนแรง

(ต้องมีการซักประวัติก่อนอย่างละเอียด)

 

การเตรียมพร้อมก่อนฉีดโบท๊อกซ์ (Botox)?

  1. หยุดการใช้ยากลุ่มกรดวิตามินเอ AHA หรือสครับขัดหน้า เป็นเวลา 1-2 วันก่อนการฉีด เพราะจะทำให้ผิวหน้าบอบบาง
  2. หยุดการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ Brufen, Aspirin, วิตามินอี น้ำมันปลา เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนการรักษา เพื่อลดอาการฟกช้ำ
  3. งดแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการรักษา

 

การปฏิบัติตัวหลังฉีดโบท๊อกซ์ (Botox)?

  1. งดการนอนราบ หลังฉีด 3-4 ชั่งโมง
  2. พยายามบริหารกล้ามเนื้อ(ขยับกล้ามเนื้อ) 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เพื่อให้ยากระจายตัว
  3. หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น การอบซาวน่า, การทำเลซอร์ หรือ การให้หน้าโดนความร้อน 2 สัปดาห์ จะทำให้เกิดการสลายตัวยา ก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์เต็มที่
  4. งดทรีทเม้นท์ด้วยเครื่องที่เกี่ยวกับการผลักยา 2 สัปดาห์
  5. ห้ามกด นวด หรือกระทำการใดๆบริเวณที่ได้รับการรักษา
  6. สามารถใช้น้ำแข็งประคบในกรณีที่มีอาการบวมแดงหรือช้ำ
  7. งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2 สัปดาห์
  8. ใช้เครื่องสำอางได้ตามปกติ หลีกเลี่ยงการกดถูบริเวณที่รักษา
  9. สำหรับผู้ที่ฉีดหน้าเรียว ให้งดเว้นการเคี้ยวหมากฝรั่ง งดเคี้ยวอาหารแข็ง เช่น ถั่ว อัลมอนด์  น้ำแข็ง ประมาณ 1 สัปดาห์
  10. กลับมาพบแพทย์เมื่อมีข้อสงสัย หรือสิ่งผิดปกติ

*** ข้อควรระวัง

ไม่ควรทำการฉีดสาร Botulinum Toxin กับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ เนื่องจากแพทย์ได้มีความรู้เรื่องกล้ามเนื้อในแต่ละมัดบนใบหน้าของเรา ทำให้เวลาฉีดแพทย์แต่ละท่านจะสามารถฉีดในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดโดยไม่ใช่ฉีดตรงนี้แต่กลับไปหน้าตึงอีกที่  และอย่าไปฉีดกับหมอกระเป๋าที่ไม่มีใบรับรองประกอบโรคศิลป์ ถ้าเกิดการผิดพลาดขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ อย่าเห็นแก่ของถูกเลย ก่อนที่จะตัดสินใจควรปรึกษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้แพทย์เป็นผู้ที่ทำให้เท่านั้นจะปลอดภัยกว่า 

ติดต่อสอบถาม